Tuesday, May 1, 2012

ลมแดด ฮีทสโตรก (Heat stroke)

ลมแดด ฮีทสโตรก (Heat stroke)


                            (ที่มา: http://www.bilkent.edu.tr/~bilheal/aykonu/AY2002/August2002/sicakc2.gif)



          ช่วงนี้หลายๆ คนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยคงต้องบ่น “ร้อน” กันไม่หวาดไม่ไหวเพราะบางวันอุณหภูมิของอากาศบ้านเราขึ้นไปกว่า 40 องศาเซลเซียส จนหลายคนไม่อยากออกจากบ้านหรือที่ทำงานกันเลยทีเดียว
          ตอนนี้หลายๆคนน่าจะได้ดูได้ฟังรายการโทรทัศน์ วิทยุ หรืออ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ซึ่งกำลังพูดถึงโรคลมแดด หรือฮีทสโตรกกันมากมาย เลยขอถือโอกาสนี้ในการนำพาทุกท่านไปรู้จักกับโรคนี้กันดีกว่า...

ลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat stroke) คืออะไร?

          โรคลมแดด หรือ Heat stroke เป็นอาการที่เกิดจากร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับความร้อนนั้นได้ เปรียบเหมือนเครื่องจักรที่ไม่สามารถทำงานต่อไปได้เพราะเครื่องร้อนจัดนั่นเอง    โรคลมแดดเป็นความผิดปกติที่รุนแรงทำให้สมองไม่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ได้   ทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ     ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้

อาการของโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat stroke)

          อาการเบื้องต้น ได้แก่ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ
          อาการที่แสดงถึงสัญญาณอันตราย ได้แก่ ตะคริว เพ้อ ชัก อัมพาตครึ่งซีก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตลดลงต่ำมากๆ ไตล้มเหลว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้

สาเหตุของโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat stroke)

          สาเหตุหลักของโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก สามารถแบ่งได้ 2 สาเหตุใหญ่ๆ ได้แก่
          1. เกิดจากความร้อนสิ่งแวดล้อมรอบตัวมีมากเกินไป ส่วนใหญ่เกิดในช่วงที่มีอากาศร้อน พบบ่อยในผู้ที่มีอายุมากและมีโรคเรื้อรัง มักเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง อาการที่สำคัญ คือ อุณหภูมิร่างกายสูง ไม่มีเหงื่อหรือเหงื่อออกน้อย
          2. เกิดจากการออกกำลังที่หักโหมเกินไป มักจะเกิดในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานและนักกรีฑา อาการที่สำคัญ คือ จะมีเหงื่อออก นอกจากนี้ยังพบอาการแทรกซ้อน ได้แก่ ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ระดับฟอสฟอรัสในเลือดสูง ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ และพบไมโอโกลบินในปัสสาวะด้วย ทำให้มักจะเกิดอาการแสดง เช่น ตะคริว ชัก กล้ามเนื้อกระตุก สีปัสสาวะผิดปกติ

ใครบ้างที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat stroke)

          บุคคลที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดโรคฮีทสโตรก ได้แก่ ผู้ที่ทำงานกลางแจ้งโดยปราศจากการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมในการเผชิญสภาพอากาศร้อน รวมถึงบรรดานักกีฬาสมัครเล่น ผู้สูงอายุ เด็ก คนอดนอน คนดื่มเหล้าจัด และผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง

การสังเกตอาการสำคัญของโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat stroke)

          อาการสำคัญของโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก คือ ไม่มีเหงื่อออกหรือมีเหงื่อออกน้อย ตัวร้อนจัดและร้อนมากขึ้นเรื่อย กระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน ซึ่งต่างจากการเพลียแดดทั่ว ๆ ไป ที่จะพบว่ามีเหงื่อออกด้วย หากเกิดอาการดังกล่าวจะต้องหยุดพักและรีบหลบเข้าที่ร่มทันที

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat stroke)

          - ผู้ที่ยังมีอาการไม่มาก ควรให้ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ
- ให้ผู้ที่เป็นโรคลมแดดนอนราบ ยกเท้าสูง ทั้งสองข้าง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็ง ประคบตามตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ ร่วมกับ การใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน หรือเทน้ำเย็นราดลงบนตัว เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย ให้ต่ำลง
- รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

วิธีป้องกันโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat stroke)

- เตรียมตัวในการทำงานในบริเวณที่มีอากาศร้อน โดยการออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ๆ อย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ร่างกายชินกับสภาพอากาศร้อน
- ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ก่อนออกจากบ้านในวันที่มีอากาศร้อนจัด และหากต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน หรือออกกำลังกลางสภาพอากาศร้อน ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม และแม้ว่าจะทำงานในที่ร่มก็ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว (น้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร – 2 ลิตร)
- สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา น้ำหนักเบา และสามารถระบายความร้อนได้ดี
- หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดในวันที่อากาศร้อนจัด
- หลีกเลี่ยงการกินยาแก้แพ้ แก้น้ำมูก โดยเฉพาะก่อนการออกกำลังกาย หรือการอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาเสพย์ติดทุกชนิด
- ในเด็กเล็กและคนชราควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ต้องจัดให้อยู่ในห้องที่อากาศระบายได้ดี และอย่าปล่อยให้เด็กหรือคนชราอยู่ในรถที่ปิดสนิทตามลำพัง

บรรณานุกรม
http://www.medicinenet.com/heat_stroke/article.htm
http://ramathibodi.blogspot.com/2010/03/heat-stroke.html
http://www.thaihealth.or.th

บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์ หากจะเผยแพร่โปรดอ้างอิงที่มา (blog นี้) โดยการใส่ url ต่อไปนี้ maxeternia.blogspot.com