ช่วงนี้กระแสยาแก้ปวดกำลังมาแรงมาก เพื่อไม่ให้ตกกระแส (กลัวตกรถ) เลยซิ่งสาย 8 มาขอเล่าเรื่องยาแก้ปวดให้ฟังกันสักหน่อย
.
ยาแก้ปวดที่คนไทยนิยมใช้กันเยอะจะเป็นยาแก้ปวดในกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ถ้าจะเรียกด้วยภาษาอังกฤษให้ดูมีความรู้เพิ่มขึ้นจะเรียกว่า Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs หรือตัวย่อแบบมีสไตล์ก็คือ NSAIDs
.
NSAIDs ที่คนไทยนิยมใช้กันเยอะก็จะมีพาราเซตามอล (Paracetamol) และ ไอบูโพรเฟ่น (Ibuprofen) ทีนี้เรามาทำความรู้จักกันทีละตัวดีกว่า
.
พาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวดลดไข้ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กจนถึงคนชรา อย่างไรก็ดีในช่วงหลังมีงานวิจัยที่แสดงผลเกี่ยวกับพาราเซตามอลและการก่อพิษต่อตับจึงทำให้เกิดการปรับขนาดยาสูงสุดของพาราเซตามอลที่ใช้ได้เป็น ไม่เกิน 650 มิลลิกรัมต่อครั้ง ทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีไข้หรือมีอาการปวด และขนาดยาสูงสุดต่อวันคือ 2,600 มิลลิกรัม (ของเดิมคือ 650-1,000 มิลลิกรัมต่อครั้ง ทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีไข้หรือมีอาการปวด และขนาดยาสูงสุดต่อวันคือ 4,000 มิลลิกรัม)
หลายคนเห็นขนาดใช้ยาแต่ละครั้งแล้วก็กุมขมับกันไปเลยทีเดียวเพราะบ้านเราขนาดเม็ดยาพาราเซตามอลที่นิยมผลิตกันคือ 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด ทำให้การปรับลดขนาดยาพาราเซตามอลทำได้ลำบากนิดนึง ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ยาพาราเซตามอลไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงสักเท่าไร (กังวลนะเนี่ย)
ที่นี้สิ่งที่ต้องระวังสำหรับยาพาราเซตามอลโดยสรุปก็คือ
- ใช้เฉพาะเมื่อมีไข้หรือมีอาการปวด เมื่ออาการดังกล่าวหายแล้วขอให้หยุดใช้พาราเซตามอลโดยทันที
- ในการรับประทานยาพาราเซตามอลควรใช้ให้แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงเพื่อลดความเสี่ยงที่ระดับยาในกระแสเลือดจะสูงเกินไปจนอาจก่อพิษได้
- ไม่ควรใช้ยาพาราเซตามอลติดต่อกันเกิน 5 วันเนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงที่ยาพาราเซตามอลจะก่อพิษต่อตับ สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ยาพาราเซตามอลต่อเนื่องเป็นเวลานาน โปรดใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกร
- ผู้ที่ห้ามใช้ยาพาราเซตามอล: ผู้ที่ป่วยเป็นโรคตับ (เช่น ตับอักเสบ ดีซ่าน ตับวาย) โรคไตที่ร้ายแรงบางชนิด ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาพาราเซตามอล ฯลฯ
- ก่อนใช้ยากรุณาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรกันสักหน่อยนะครับ
(ในบางประเทศจะเรียกยาพาราเซตามอลว่า อะเซตามิโนเฟ่น (Acetaminophen))
.
ต่อไปเรามาทำความรู้จักยาไอบูโพรเฟ่นกันต่อ ยาไอบูโพรเฟ่นเป็นยาแก้ปวด ลดไข้ และลดอาการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อจุลินทรีย์ ที่ออกฤทธิ์ได้ดีกว่าพาราเซตามอล และมีความปลอดภัยในเกณฑ์ดีทีเดียว ขนาดการใช้ยาสำหรับผู้ใหญ่โดยทั่วไปของไอบูโพรเฟ่นอยู่ที่ 200-400 มิลลิกรัมต่อครั้ง ทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีไข้หรือมีอาการปวด และขนาดยาต่อวันอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2400 มิลลิกรัม (ถ้าในเม็ดยามีตัวยา 400 มิลลิกรัมก็คือใน 1 วันกินไอบูโพรเฟ่นได้ไม่เกิน 6 เม็ด)
สิ่งที่ต้องระวังสำหรับการใช้ยาไอบูโพรเฟ่น
- ใช้เฉพาะเมื่อมีไข้หรือมีอาการปวด เมื่ออาการดังกล่าวหายแล้วขอให้หยุดใช้ยาไอบูโพรเฟ่นโดยทันที
- ทานยาไอบูโพรเฟ่นหลังรับประทานอาหารทันทีเพื่อลดอาการระคายเคืองทางเดนอาหาร
- การใช้ยาไอบูโพรเฟ่นติดต่อกันเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลในทางเดินอาหาร
- ในการรับประทานยาไอบูโพรเฟ่นควรใช้ให้แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงเพื่อลดความเสี่ยงที่ระดับยาในกระแสเลือดจะสูงเกินไปจนอาจก่อพิษได้
- ผู้ที่ต้องระวังการใช้ยาไอบูโพรเฟ่น: ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้ที่สูบบุหรี่จัด ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่ห้ามใช้ยาไอบูโพรเฟ่น: ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต ผู้ที่ป่วยเป็นโรคตับบางชนิด ผู้ที่ทานยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด ผู้ที่เป็นโรคเลือดบางชนิด ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ผู้ที่เป็นโรคไข้เลือดออก ผู้ที่กำลังจะเข้าผ่าตัดหรือพึ่งผ่านการผ่าตัดมา เด็กอายุต่ำกว่า2ปี ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาไอบูโพรเฟ่น ฯลฯ
- ก่อนใช้ยากรุณาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรกันสักหน่อยนะครับ